วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

โรตีสายไหม

ขนมโรตีสายไหม


             โรตีสายไหมเป็นขนมประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเป็นขนมของชาวไทยมุสลิมที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษคือ นายบังเปีย แสงอรุณ เป็นผู้นำเข้ามาในจังหวัดอยุธยา นายบังเปียเกิดในครอบครัวที่ประกอบอาชีพทางการเกษตร คือทำนา มีพี่น้อง 10 คน ชื่อจริงคือนายซาเล็ม แสงอรุณ เกิดวันพุธ เดือน 12 ปี พ.ศ. 2489 ณ บ้านวงแหวน บางปะอิน คลอง 1 อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยฐานะที่ยากจน เด็กชายซาเล็มจึงตัดสินใจออกจากบ้าน เมื่ออายุได้ 11 ขวบ ไปรับจ้างทั่วไปตามต่างจังหวัด จนกระทั่งไปอาศัยอยู่กับอาที่อำเภอ สัตหีบ จังหวัดชลบุรี ช่วยทำขนมหวาน เช่น โรตีกรอบ โรตีใส่นม แล้วนำไปขายที่บริเวณวัดหลวงพ่ออี๋   ในแต่ละวันเมื่อขายขนมเสร็จแล้ว จะต้องกลับไปเคี่ยวน้ำตาล เพื่อนำไปหยอดที่แป้งกรอ มีบางครั้งเคี่ยวน้ำตาลนานไปน้ำตาลจะแข็ง บังเปียจึงทดลองดึงน้ำตาลให้ยืดขึ้น เพื่อให้น้ำตาลอ่อนตัว หยอดที่โรตีกรอบได้ นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการทำโรตีสายไหม และฝึกหัดดึงน้ำตาลเคี่ยวให้เป็นเส้นไหมอยู่หลายปี จนมีความชำนาญ
               นปี พ.ศ. 2506 อายุได้ 17 ปี ได้เดินทางกลับไปที่บ้านวงแหวน ฯ แล้วย้ายไปเช่าบ้านอยู่ที่ข้างสุเหร่าวัฒนา อำเภอพระนครศรีอยุธยา ทำโรตีสายไหมใส่กล่องไม้สะพาย ถีบจักรยานคู่ใจ เร่ขายไปทั่ว ในสมัยนั้นคนซื้อจะนำเหรียญสลึงมาหย่อนลงในช่องที่เจาะไว้ เข็มที่หน้าปัดซึ่งมีตัวเลขเขียนไว้จะหมุนไป เมื่อเข็มหยุดที่เลขใดก็จะได้จำนวนชิ้นเท่านั้น เป็นที่สนุกสนานของคนซื้อ บังเปียขายอยู่หลายปี กระทั่งในปี พ.ศ. 2520 ได้แต่งงานกับนางมั่น เป็นชาวโคราช มีบุตรชาย 3คน และผู้หญิง 2 คน จึงคิดที่จะสร้างครอบครัวให้เป็นปึกแผ่นกว่าที่เป็นอยู่ ต่อมาได้ย้ายไป เช่าบ้านอยู่ในตัวเมืองอยุธยา ริมถนนอู่ทอง เส้นทางไปโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ช่วยกันทำโรตีสายไหมขายเป็นอาชีพของครอบครัว ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เป็นลำดับ ไม่ยากแค้นเช่นในวัยเด็ก
    บังเปียไม่หยุดนิ่งในฝีมือ หมั่นปรับปรุงรสชาติแป้งโรตีอยู่เสมอให้ถูกใจผู้บริโภค เช่น จากสูตรดั้งเดิม ตัวแป้งมีส่วนประกอบ แป้งสาลี น้ำ เกลือ ก็เพิ่มรสชาติด้วยการใส่นม กะทิ งา และธัญพืช กิจการขยายตัวขึ้นเป็นที่รู้จักของชาวอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียง ขายได้ 200-300 กิโลกรัม ต่อวัน จึงชักชวนพี่น้อง จำนวน 6 คน ให้มายึดอาชีพทำโรตีสายไหมขาย ทำให้ตระกูลแสงอรุณขยายกิจการกระจายไปทั่วถนนอู่ทอง และขยายวงกว้างไปตามเส้นทางสายเอเชีย ถนนมิตรภาพ ผ่านไปมาจะเห็นร่มกางสีสวยข้างทางพร้อมป้ายปักโรตีสายไหมอยุธยา สร้างรายได้ให้กับครอบครัว ญาติ ไม่หวงวิชาถ่ายทอดด้วยความเต็มใจ จึงมีลูกศิษย์แยกตัวไปประกอบอาชีพนี้มากมาย
               ปัจจุบันได้รับเชิญไปสอนการทำโรตีสายไหมให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เช่นฝึกอาชีพให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัด ตามห้างสรรพสินค้าที่มีการจัดงานต่าง ๆ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปเปิดงานขนมไทย ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง บังเปีย แสงอรุณ ได้แสดงฝีมือการดึงเส้นสายไหม ถวายพระองค์หญิงทอดพระเนตรการทำอย่างใกล้ชิด พระองค์สนพระทัยอย่างมาก ทรงประทานรางวัลเกียรติคุณแก่ บังเปีย แสงอรุณ ยังความปลาบปลื้มและความภาคภูมิใจในอาชีพนี้ ด้วยวัยย่างเข้า ปีที่ 61 ใบหน้าที่ยิ้มละมัย อารมณ์ดี ไม่ท้อชีวิตมีความสุข ทุกครั้งที่เล่าชีวิตหนหลังให้กับทุกคนได้รับรู้ด้วยความภาคภูมิใจที่ก้าวมายืน ณ จุดนี้ได้ด้วยความมานะบากบั่นของตนเองและให้กำลังใจกับคนที่ท้อแท้ในชีวิตให้ลุกขึ้นสู้ชีวิตต่อไป ในช่วง 40 ปี ที่ผ่านมา

                ต่อมาได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาสักการะพระพุทธรูป และมาเที่ยวชมโบราณสถาน บวกกับมีการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงาน ข้าราชการประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้มีการนำสินค้าขึ้นทะเบียน OTOP จึงทำให้มีการตั้งขายอยู่กับที่เปิดเป็นร้านถาวร มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น สายไหมจากเดิมมีสีเดียว รสชาติเดียว เปลี่ยนเป็นหลายสี หลายรสชาติ มีทั้งรสส้ม รสใบเตย รสโกโก้ ส่วนแผ่นแป้งก็มีหลากหลายรสชาติเหมือนกัน เช่น รสใบเตยใส่งา ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ป่น รสเผือก เป็นต้น


วัตถุดิบที่ใช้ทำขนมโรตีสายไหม
1.แป้งสาลี
2.น้ำตาลทราย
3.น้ำมันบัว
4.น้ำ

อุปกรณ์ในการทำขนมโรตีสายไหม 
1.กระทะ
2.ถาดอลูมิเนียม
3.กระทะแบน
4.กะละมังอะลูมิเนียม
5.กะละมังพลาสติกใบใหญ่
6.ไม้ดึง 2 อัน

วิธีการทำแผ่นแป้งโรตี
1.นำแป้งสาลี,แป้งมัน,เกลือ,ครีมกลิ่นใบเตย ผสมน้ำที่สะอาดในกะละมังนวดให้เข้ากัน จนเหนียว หมักทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที
2.ใช้กระทะแบน ตั้งไฟให้ร้อนพอประมาณ นำแป้งที่หมักทิ้งไว้มาแต้มบนกระทะเป็นวงกลม ไม่หนาหรือบางจนเกินไป ใช้เกียงเกลี่ยให้เสมอกัน เมื่อแป้งสุกแล้วใช้เกียงแซะแผ่นโรตีนำ มาเรียงซ้อนกันในถาด

วิธีการทำเส้นสายไหม (ไส้)
1.นำน้ำตาลทรายมาเคี่ยวในกระทะ ตั้งไฟประมาณ 20 นาที พอเคี่ยวได้ที่แล้วเทใส่ในกะละมังอลูมิเนียม ที่ตั้งไว้ในกะละมังใบใหญ่ที่มีน้ำหล่ออยู่
2.เติมกลิ่นธรรมชาติตามความชอบของลูกค้า ส่วนใหญ่จะใส่กลิ่นใบเตย เพระาทำให้หอม หรือสีผสมอาหารลงในกะละมัง
3.ใช้อุปกรณ์(เกียง)แซะไม่ให้น้ำตาลติดกะละมัง
4.ผสมแป้งสาลีกับน้ำมันพืชในถาดอลูมิเนียมขนาดใหญ่ เพื่อเป็นหัวเชื้อสายไหม แล้วนำไปตั้งไฟเพื่อเคี่ยวให้เข้ากัน ใช้ทัพพีคนไม่ให้ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
5.ยกถาดที่มีหัวเชื้อสายไหมวางไว้บนโต๊ะ นำน้ำตาลไปสาวดึงจนได้ที่แล้ว นำไปวางบนหัวเชื้อสายไหม นวดดึงให้เป็นวงกลม
6.นำไม้ดึงไหม (เป็นไม้เนื้อแข็ง เป็นแท่งกลมยาวประมาณ 5 นิ้ว ดึงยืดน้ำตาลให้ผสมกับหัวเชื้อสายไหมจนแตกเป็นเส้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ที่ และดึงสายไหมให้ขาดออกจากกัน จากนั้นนำไปผึ่งไว้ในถาดให้เย็น








วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

เว๊ปไซต์ที่มี creative commons


เว๊ปไซต์ที่มี creative commons


เว๊ปไซต์ http://faceblog.in.th/2014/05/beargirlfriend-interview/



             เว๊ปไซต์สัมภาษณ์ของเพจนึง เป็นเรื่องราวของคนกับหมี คนอะไรเป็นแฟนหมี และมีการ์ตูนน่ารักๆ รวมไปถึงมุกต่างๆ ที่เป็นที่นิยมและเป็นกระแสสำหรับ social network เช่น twitter facebook





  • สัญลักษณ์ CC BY-NC-ND เป็นใบอนุญาตที่จำกัดการใช้งานมากที่สุด อนุญาติให้ดาวน์โหลดผลงาน ทำซ้ำและเผลแพร่ผลงานได้ โดยไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขผลงาน หรือนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ โดยจะต้องบอกผู้สร้างสรรค์ผลงานต้นฉบับ






  • อนุญาตให้ผู้อื่นทำซ้ำ แจกจ่าย หรือแสดงและนำเสนอชิ้นงานดังกล่าว และสร้างงานดัดแปลงจากชิ้นงานดังกล่าว ได้เฉพาะกรณีที่ผู้นั้นได้แสดงเครดิตของผู้เขียนหรือผู้ให้อนุญาตตามที่ระบุไว้



  • อนุญาตให้ผู้อื่นทำซ้ำ แจกจ่าย หรือแสดงและนำเสนอชิ้นงานดังกล่าว และสร้างงานดัดแปลงจากชิ้นงานดังกล่าว ได้เฉพาะกรณีที่ไม่นำไปใช้ในทางการค้า




  • อนุญาตให้ผู้อื่นทำซ้ำ แจกจ่าย หรือแสดงและนำเสนอชิ้นงานดังกล่าวในรูปแบบที่ไม่ถูกดัดแปลงเท่านั้น



  • ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเว๊ปไซต์การสัมภาษณ์จากผู้ที่ตั้งเพจ คนอะไรเป็นแฟนหมี ที่ได้เผลแพร่ไปยัง social network ต่างๆนั้น อนุญาตให้ดาวน์โหลดและเผลแพร่งานได้แต่ไม่ให้ดัดแปลงเพื่อการค้า โดยต้องบอกผู้ที่เป็นเจ้าของงานก่อน





     

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

งานครั้งที่ 2 sec03



ประวัติของฉัน




                  ชื่อ น.ส. ปิยาพัชร วัฒนแสงประเสริฐ ชื่อเล่น ไนน์ อายุ 20 ปี กำลังศึกษาอยู่ที่คณะนิ
เทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต อยากเรียนจบแล้วมีหน้าที่การงานที่ดี อนาคตฝันอยากที่จะเป็นพิธีกรรายการบันเทิงหรือพิธีกรรายการข่าวหรืออาจจะทำงานอยู่เบื้องหลังของบริษัทที่มีคุณภาพที่ดี มีความสนใจในเรื่องของการพูดแต่ลักษณะส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ค่อนข้างขี้อายมากแต่พอเข้ามาเรียนในคณะนิเทศศาสตร์แล้วรู้สึกว่าตัวเองมีความขี้อายลดลงจำนวนหนึ่ง ชอบการแสดง ชอบพูดคุย รู้สึกเวลาที่เราได้ทำสิ่งเหล่านี้แล้วตัวเองมีความสุขที่ได้ทำ ในด้านการศึกษาในสาขานี้สิ่งที่ไม่ถนัดแล้วทำไม่เป็นเลยคือการตัดต่องานเป็นเรื่องยากมากซึ่งไม่ชอบเลยเหมือนว่าคิดทุกอย่างที่อยากจะดำเนินเรื่องราวไว้แล้วแต่พอจะลงมือทำมันอยากที่จะเปลี่ยนความคิดของตัวเองไปเรื่องๆโดยที่ไม่ตรงกับเรื่องราวที่เราวางแผนเอาไว้แล้วเลยเป็นสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบเลย กิจวัตรและสิ่งที่ทำอยู่ประจำวันเป็นคนที่นอนดึกมากพอจะนอนเร็วๆแล้วรู้สึกว่าตัวเองนอนไม่หลับชอบเล่นฮูล่าฮูปก่อนนอนแล้วก็อาบน้ำแต่ยังไม่นอนนะค่ะเปิดโน๊ตบุ๊คเล่นอีกชอบฟังเพลงช้าๆเศร้าๆก่อนนอนค่ะ นอนคนเดียวอาศัยอยู่กับแม่2คนแต่แยกห้องกันอยู่ ไม่ว่าตอนเช้าจะเรียนเวลาไหนก็ตามก็ยังนอนดึกอยู่ทุกคืน ทำให้นอนไม่เพียงพอพอเช้ามาก็รู้สึกว่าไม่อยากตื่นไปเรียนเลยแต่ก็ต้องไป ใช้เวลาในการอาบน้ำแต่งตัวตอนเช้าประมาณ2ชั่วโมงค่ะจะต้องตื่นก่อนเพื่อเผื่อเวลาในการแต่งตัวค่ะ ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งต้องเป็นคนปิดบ้านให้เรียบร้อยทุกครั้งเพราะแม่ได้ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วและก่อนออกจากบ้านทุกครั้งจะต้องไลน์บอกเพื่อนทุกครั้งว่าออกจากบ้านแล้วเพราะดิฉันขับรถไปมหาวิทยาลัยเองทุกวันแล้วเพื่อนก็อาศัยไปมหาวิทยาลัยด้วยทุกวันแล้วเราก็ไปพร้อมกันแล้วก็สายเป็นบางครั้งค่ะ พอเรียนเสร็จของวันนั้นแล้วพวกเราก็จะมาคิดกันว่าจะไปไหนต่อกันเพราะต่างคนต่างไม่อยากกลับหอกลับบ้านกัน เราก็จะไปกินข้าวด้วยกันก่อนที่จะแยกย้ายกับกลับ ดิฉันมักถึงบ้านมืดๆแล้วขึ้นห้องส่วนตัวของตัวเองเลย ชอบเปิดเพลงฟังคนเดียวแล้วอินไปกับเพลงคนเดียวยิ่งเพลงเก่าเพื่อชีวิตดิฉันยิ่งชอบค่ะ ดิฉันชอบเล่นโน๊ตบุ๊คมากค่ะเปรียบเสมือนมันเป็นเพื่อนร่วมห้องของดิฉันเลยค่ะ เล่นได้ตลอดทั้งวัน อย่างวันหยุดดิฉันก็เปิดทั้งวันค่ะ ชอบที่จะหารายการสนุกๆดู ดูเอ็มวีต่างๆ ดูละครเก่าๆ รู้สึกมีความสุขมากค่ะ บ้านของดิฉันมีwifi ก็มักจะเปิดไว้ทั้งวันเพราะใช้กับแม่2คน ชอบเข้าเว๊ปgoogle เพื่อหาสิ่งต่างๆที่ดิฉันอยากรู้และยังไม่รู้และเข้า youtubeเพื่อฟังเพลงไปด้วยและก็ออนfacebookไปด้วย 3 เว๊ปหลักๆที่ดิฉันเข้าบ่อยที่สุดค่ะเพราะเป็นเว๊ปที่ให้ความบันเทิงได้ในหลากหลายรูปแบบอย่างyoutubeเปิดฟังเพลงหรือดูเอ็มวี ละคร คลายเครียดได้ facebookได้คุยได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ๆที่เราไม่เคยรู้จักหรือเจอเพื่อนเก่าที่เราไม่ได้ติดต่อกันมานานค่ะ





            

    


















งาน3 กลุ่ม03

จังหวัดนนทบุรี


               ระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ

              สัญลักษณ์ประจำจังหวัดนนทบุรี คือ หม้อน้ำลายวิจิตร หมายถึง ชาวจังหวัดนนทบุรีมีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งยึดถือเป็นอาชีพและมีชื่อเสียงมาช้านาน

จังหวัดนนทบุรี ใช้อักษรย่อว่า "นบ"

            เมืองนนทบุรี มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 400 ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีคูคลองน้อยใหญ่มากมาย เป็นเมืองเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านตลาดขวัญ ซึ่งเป็นสวนผลไม้ที่ขึ้นชื่อในสมัยนั้น ได้รับการยกฐานะเป็นเมืองนนทบุรีเมื่อ พ.ศ. 2092 


              ในรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ บ้านตลาดขวัญเป็นดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์และเป็นสวนผลไม้ที่มีชื่อแห่งหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา ฝรั่งต่างชาติที่ได้เดินทางเข้ามาค้าขายและเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยาต่างก็ได้บันทึกเอาไว้ ดังปรากฏในจดหมายเหตุบันทึกการเดินทางของลาลูแบร์ ชาวฝรั่งเศสผู้ซึ่งเดินทางเข้ามาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชว่า “สวนผลไม้ที่บางกอกนั้น (หมายถึงกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน) มีอาณาบริเวณยาวไปตามชายฝั่ง โดยทวนขึ้นสู่เมืองสยามถึง 4 ลี้ กระทั่งจรดตลาดขวัญ (TALACOUN) ทำให้เมืองหลวงแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลาหาร ซึ่งคนพื้นเมืองชอบบริโภคกันนักหนา” (จดหมายเหตุลาลูแบร์) ปี พ.ศ. 2179 พระเจ้าปราสาททองโปรดเกล้าฯให้ขุดคลองลัดตอนใต้วัดท้ายเมืองไปทะลุวัดเขมา เพราะเดิมนั้นแม่น้ำเจ้าพระยาไหลวกเข้าแม่น้ำอ้อมมาทางบางใหญ่วกเข้าคลองบางกรวยข้างวัดชลอ มาออกหน้าวัดเขมา เมื่อขุดคลองลัดแล้ว แม่น้ำก็เปลี่ยนทางเดินไหลเข้าคลองลัดที่ขุดใหม่ กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาใหม่ดังปัจจุบันนี้



ดอกนนทรี


                  ดอกนนทรีเป็นไม้ยืนต้นในวงศ์ถั่ว ทรงพุ่มสูงได้ถึง 25 เมตร กึ่งผลัดใบ เรือนยอดรูปร่ม แผ่กว้าง ใบเป็นใบประกอบขนนกสองชั้นรูปไข่ ออกดอกเป็นช่อตั้งขนาดใหญ่ที่ปลายกิ่ง สีเหลือง มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกดอกในฤดูแล้ง ช่วงเดือน มีนาคม-มิถุนายน


สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ



                        เกาะเกร็ด เกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงส่วนที่เป็นแหลม ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2265 เรียกว่า “คลองลัดเกร็ดน้อย” (คลองลัดเกร็ดใหญ่อยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ขุดลัดแม่น้ำเจ้าพระยาตอนท้ายอำเภอสามโคกมาทางใต้ถึงคลองขวางเชียงราก) ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางแรงขึ้นเซาะตลิ่งทำให้คลองขยาย แผ่นดินตรงแหลมจึงกลายเป็นเกาะ ชื่อที่เรียกนั้น ชื่อเดิมเรียกว่า เกาะศาลากุน

เกาะเกร็ดมีความเจริญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สังเกตได้จากวัดวาอารามต่างๆบนเกาะส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะในสมัยอยุธยา แต่คงจะมาร้างคนเมื่อพม่ามายึดกรุงศรีอยุธยาได้ หลังจากกอบกู้เอกราชได้ พระเจ้าตากสินมหาราชจึงโปรดให้ชาวมอญที่เข้ารีตมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ ชาวมอญบนเกาะเกร็ดนั้นมีทั้งที่เข้ามาในสมัยกรุงธนบุรี และสมัยรัชกาลที่ 2 ต่อมาเมื่อตั้งอำเภอปากเกร็ดขึ้นแล้วเกาะศาลากุน จึงมีฐานะเป็นตำบลและเรียกว่าตำบลเกาะเกร็ด เกาะนี้จึงมีชื่อว่า เกาะเกร็ด

      กวานอาม่าน (หมูบ้านดินเผา)


                         พิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา เป็นศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านชาวมอญ จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผามอญลายโบราณ การปั้นเครื่องปั้นดินเผา นั้นเป็นอาชีพชาวมอญมาตั้งแต่ครั้งตั้งถิ่นฐานแถบลุ่มแม่น้ำอิรวดี และมีมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี นับเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านที่เก่าแก่ ที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ลวดลายประณีตสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และยังเป็นสัญลักษณ์ตราประจำจังหวัดนนทบุรี สองข้างทาง เดินบนเกาะมีบางบ้านที่ทำเครื่องปั้นดินเผา ภาชนะของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น กระถาง ครก โอ่งน้ำ ฯล

คลองขนมหวาน



                   บริเวณคลองขนมหวานและคลองอื่นๆ รอบเกาะเกร็ด ชาวบ้านที่อาศัยอยู่สองฝั่งคลองจะทำขนมหวาน จำพวกทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และขนมหวานอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมสาธิตวิธีการทำให้นักท่องเที่ยวได้ชม พร้อมซื้อกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย



วัดปรมัยยิกาวาส




                            ในวัดนี้มีสิ่งที่น่าชมอยู่หลายอย่าง ที่ท่าเรือหน้าวัดจะพบปราสาทไม้ห้ายอด ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งเหม (โลงศพมอญ) ของอดีตเจ้าอาวาส ตั้งตระหง่านอยู่ ส่วนพระอุโบสถมีการตกแต่งด้วยวัสดุนำเข้าจากอิตาลี ศิลปะยุโรปแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่กระนั้น พระองค์ยังรักษาธรรมเนียมเดิม โดยรับสั่งให้ที่นี่ริเริ่มการสวดเป็นภาษามอญ และปัจจุบัน ที่นี่เป็นวัดเดียวที่ยังเก็บรักษา พระไตรปิฏกภาษามอญไว้ พระประธานในพระอุโบสถนั้นเป็นพระปางมารวิชัย ฝีพระหัตถ์ของพระองค์เจ้าประดิษฐานวรการ ผู้ที่สร้างพระสยามเทวาธิราช รัชกาลที่ 5 ทรงยกย่องว่าพระประธานองค์นี้งามด้วยฝีพระพักตร์ดูมีชีวิตชีวาเหมือนคนจริงด้านหลัง พระอุโบสถ มีพระมหารามัญเจดีย์ จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวดากองของพม่า